ข้อมูลชาติพันธ์ุท้องถิ่น ชาติพันธุ์ไทยเขมร

ประวัติความเป็นมา

   เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่เป็นประชากรส่วนใหญ่ของจังหวัดบุรีรัมย์ ทั้งนี้เพราะมีพื้นที่อยู่ติดกับพรมแดนประเทศกัมพูชา ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัดบุรีรัมย์ ได้แก่ อำเภอประโคนชัย บ้านกรวด ปะคำ ละหานทราย กระสัง สตึก พลับพลาชัย ห้วยราช และเมืองบุรีรัมย์ ชาติพันธุ์ไทยเขมร ในจังหวัดบุรีรัมย์ดำเนินชีวิตด้วยเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมด้าน ขนบธรรมเนียมประเพณี ภาษา เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกลุ่มตนเองไว้อย่างเหนียวแน่น โดยเฉพาะ ด้านความเชื่อ เช่น ด้านไสยศาสตร์ เครื่องรางของขลัง การเสกเป่า ยาสั่ง และการประกอบพิธีกรรมต่างๆ ในวิถีชีวิตตั้งแต่เกิดจนตาย ซึ่งมีการสืบต่อกันมาโดยมีผู้นำสืบทอดสู่ชนรุ่นหลัง อย่างเหนียวแน่น สำหรับประเพณีที่โดดเด่นคือประเพณีวันสารทเดือน 10 หรือ ไงเบนทม เป็นภาษาเขมรแปลว่า วันสารทใหญ่ คนส่วนใหญ่จะเรียกว่า วันแซนโดนตา คำว่า แซน เป็นภาษาเขมรแปลว่า เซ่นสรวง โดนตา แปลว่า บรรพบุรุษ เป็นการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับไปแล้ว คติความเชื่อชาวเขมรมีความเชื่อเรื่องผีบรรพบุรุษค่อนข้างมาก หากจะกระทำการใดต้องเซ่นผีหรือเซ่นสรวงบรรพบุรุษก่อนเสมอ และหากเจ็บไข้ได้ป่วยก็จะมีการทำพิธีเล่นมะม๊วด เพื่อเป็นการสื่อสารกับวิญญาณบรรพบุรุษ หาแนวทางในการรักษาโรคภัยหรือสอบถามการกระทำที่อันไปลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือวิญญาณบรรพบุรุษที่เชื่อกันว่าเป็นต้นเหตุของอาการเจ็บไข้ได้ป่วยนั้น

   ภาษาพูดของกลุ่มชาติพันธุ์ไทยเขมรเป็น ภาษาเขมรพื้นถิ่น มีความคล้ายคลึงกับภาษาเขมรในประเทศกัมพูชา ประชากรที่อาศัยอยู่ใกล้พรมแดนไทยกัมพูชา สามารถสื่อสารระหว่างกันได้ โดยเฉพาะภาษาเขมรที่ใช้ในจังหวัดบุรีรัมย์จะมีความคล้ายคลึงกับภาษาเขมรในจังหวัดเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา



ประเพณี

   ดำเนินชีวิตด้วยเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมด้าน ขนบธรรมเนียมประเพณี ภาษา เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของกลุ่มตนเองไว้อย่างเหนียวแน่น โดยเฉพาะ ด้านความเชื่อ เช่น ด้านไสยศาสตร์ เครื่องรางของขลัง การเสกเป่า ยาสั่ง และการประกอบพิธีกรรมต่างๆ ในวิถีชีวิตตั้งแต่เกิดจนตาย ซึ่งมีการสืบต่อกันมาโดยมีผู้นำสืบทอดสู่ชนรุ่นหลัง อย่างเหนียวแน่น สำหรับประเพณีที่โดดเด่นคือประเพณีวันสารทเดือน 10 หรือ ไงเบนทม เป็นภาษาเขมรแปลว่า วันสารทใหญ่ คนส่วนใหญ่จะเรียกว่า วันแซนโดนตา คำว่า แซน เป็นภาษาเขมรแปลว่า เซ่นสรวง โดนตา แปลว่า บรรพบุรุษ เป็นการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับไปแล้ว คติความเชื่อชาวเขมรมีความเชื่อเรื่องผีบรรพบุรุษค่อนข้างมาก หากจะกระทำการใดต้องเซ่นผีหรือเซ่นสรวงบรรพบุรุษก่อนเสมอ และหากเจ็บไข้ได้ป่วยก็จะมีการทำพิธีเล่นมะม๊วด เพื่อเป็นการสื่อสารกับวิญญาณบรรพบุรุษ หาแนวทางในการรักษาโรคภัยหรือสอบถามการกระทำที่อันไปลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือวิญญาณบรรพบุรุษที่เชื่อกันว่าเป็นต้นเหตุของอาการเจ็บไข้ได้ป่วยนั้น ภาษาพูดของกลุ่มชาติพันธุ์ไทยเขมรเป็น ภาษาเขมรพื้นถิ่น มีความคล้ายคลึงกับภาษาเขมรในประเทศกัมพูชา ประชากรที่อาศัยอยู่ใกล้พรมแดนไทยกัมพูชาสามารถสื่อสารระหว่างกันได้ โดยเฉพาะภาษาเขมรที่ใช้ในจังหวัดบุรีรัมย์จะมีความคล้ายคลึงกับภาษาเขมรในจังหวัดเสียมราฐ ประเทศกัมพูชาต้นเหตุของอาการเจ็บไข้ได้ป่วยนั้น ภาษาพูดของกลุ่มชาติพันธุ์ไทยเขมรเป็น ภาษาเขมรพื้นถิ่น มีความคล้ายคลึงกับภาษาเขมรในประเทศกัมพูชา ประชากรที่อาศัยอยู่ใกล้พรมแดนไทยกัมพูชาสามารถสื่อสารระหว่างกันได้ โดยเฉพาะภาษาเขมรที่ใช้ในจังหวัดบุรีรัมย์จะมีความคล้ายคลึงกับภาษาเขมรในจังหวัดเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา

   ภูมิปัญญาที่มีความหลากหลายของคนกลุ่มชาติพันธ์ เช่น ตำบลโคกม้า ชุมชนบ้านตะลุงเก่า หมู่ 3 ต.โคกม้า อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ชุมชนนี้ย้ายมาจากทางอำเภอประโคนชัย มาอาศัยอยู่ที่บ้านโคกม้า มีคุณตา ชื่อตาขาว พวงประโคน เป็นผู้ที่มีฝูงวัวเป็นจำนวนมาก ได้ไล่ต้อนวัวขยับมาเลี้ยงใกล้บริเวณชุมชนนี้ในสมัยนั้นซึ่งเป็นพื้นที่ไม่มีใครกล้าเข้าไปอยู่อาศัย เรียกกว่าบ้านปันเตือย (แปลว่าค่าย) ได้สำรวจพื้นที่แล้วขยับขยายจับจองพื้นที่ และได้ชวนเพื่อนย้ายมาอยู่ด้วยกัน พื้นที่ในสมัยนั้นเป็นป่าทึบรก ป่าไผ่ เป็นจำนวนมาก มีสัตว์ป่ามากมายเช่น เสือ ลิง หมู่บ้านที่น้ำล้อมรอบ มีกำแพง ๓ ชั้น บางจุดมี ๕ ชั้น มีการขุดเจอเครื่องโบราณเก่าๆ รวมถึง โครงกระดูก มีชื่อบันทึกในสมัยพระนารายณ์มหาราช เป็นเมืองจัตวาขึ้นต่อนครราชสีมา เป็นแหล่งที่เลี้ยงวัวหลวง(โกโลง) เป็นจำนวนมากตกทอดมาถึงรุ่นลูกหลานปัจจุบันยังมีเหลืออยู่ไม่กี่ตัว และแหล่งน้ำยังเป็นแหล่งน้ำโบราณที่มีคาราวานมาหาบน้ำเพื่อนำไปใช้ดื่มกินกันเป็นจำนวนมากยังมีความเชื่อว่าแหล่งน้ำ ไหลมาจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เขาพนมรุ้งภาษาที่ใช้ ภาษาเขมร งานหัตถกรรม พื้นบ้าน ในอดีตมีการปลูกม่อน เลี้ยงไหม ทอผ้าไหมสีพื้นๆเบา บาง ลื่นๆ (โสดกันเนียว) จักสานอุปกรณ์จับปลา ทำล้อเกวียนส่งที่ด่านเกวียน นำไปขายเป็นคาราวาน ทอเสื่อกกโดยใช้มือ ปัจจุบันแทบไม่เหลืออยู่แล้วมีอาชีพเกษตรกรทำนาเป็นหลัก รับราชการและ ค้าขายการแสดง และดนตรี พื้นบ้าน

   ในอดีตมีวงปี่พาทย์บรรเลงตามงานต่างๆ ปัจจุบันมีอยู่น้อยเพราะไม่มีความต้องการใช้ในการบรรเลงในงานต่างๆแล้ว รวมกลุ่มกันไม่ได้ มีการรำเข้าทรงแม่มดปัจจุบันยังมีสืบทอดอยู่วิถีชีวิต ประเพณีสำคัญในอดีตมีแซนโฎนตาไหว้ผีบรรพบุรุษปัจจุบันยังมีอยู่บ้าง ทำบุญหมู่บ้านให้กับบรรพบุรุษ ซึ่งต้องจัดทุกปีขาดไม่ได้เป็นอันขาด สถานที่สำคัญ วัดไทรโยง ศาลตายายในหมู่บ้าน คูกันแสง คูไทรโยง คูเบอะเวง ปัจจุบันมีการสร้างศาลพระพรหมเป็นสถานที่สำคัญอีกแห่ง